ผู้นำ ในยุคนี้ต้องใช้ ทักษะการโค้ช เป็นเครื่องมือในการเร่ง พัฒนาภาวะผู้นำ ของตน ส่งผลที่ดีไปยังคนรอบข้าง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีระดับองค์กร และใช้กระบวนการโค้ช เพื่อดึงศักยภาพของผู้บริหาร หรือที่เรียกกันว่า Executive Coaching การโค้ชผู้บริหาร นั้นเอง เพื่อก้าวข้ามความท้าทายที่ผู้นำกำลังเผชิญ ในปัจจุบัน โดย โค้ชบี ขนิษฐา สถาบัน BE Management Coach
เราคงได้ยินคำว่า Digital Disruption กันแทบทุกวันในข่าวธุรกิจทุกวันนี้ เนื่องจากโลกปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ผู้นำ ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ ให้เร็วขึ้น ดีขึ้น ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตลอดเวลา หากไม่ปรับตัว อาจเกิดความล่มสลาย ทั้งในแง่ตัวบุคคล (ตกงาน) และธุรกิจที่ล่มสลาย หายไปในพริบตา เช่น ธุรกิจฟิล์ม ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราคงพอผ่านตากันมาบ้างในช่วง 10 ปีมานี้ .. และตอนนี้ พี่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็อยากทำสกุลเงินใหม่ พี่อีลอน มัสก์ ก็อยากย้ายโลก และไม่รู้ว่ายังมีใครซุ่มประดิษฐ์อะไรประหลาดๆ ออกมาอีกบ้างนะคะ 😀
การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ก็มีกระแสข่าวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน .. ผู้นำ ที่มีวิสัยทัศน์ก็ต้องเปิดหู เปิดตา เปิดใจ พยายามคิดวิเคราะห์แล้วเตรียมการ
อย่างเช่น เจ้าของธุรกิจ “เครื่องดื่มชูกำลัง” แห่งนึงกำลังกังวลถึงการเกิดขึ้นของ “รถไร้คนขับ”!!! .. ดูเผินๆ แล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ใครจะทราบได้ ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จริงมั๊ยคะ?
ดังนั้น ความท้าทายที่ ผู้นำ กำลังเผชิญในปัจจุบันนี้ จึงมี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ การนำตนเอง การนำผู้อื่น และการนำองค์กร ให้อยู่รอดได้ในยุคนี้…
พวกเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำ หรือ ผู้บริหารองค์กร กำลังตกอยู่ภายใต้สภาวะ VUCA (วูก้า) คำนี้เป็นคำศัพท์ที่มีที่มาจากวงการทหาร ซึ่งย่อมาจาก
- Volatility การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉับพลัน
- Uncertainty ข้อมูลและผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน
- Complexity ตัวแปรมากมายที่เกี่ยวข้องกัน และความไม่รู้
- Ambiguity ขาดความชัดเจนในความหมายหรือความสำคัญของเหตุการณ์ต่างๆ
ผู้นำ ที่เก่งต้องหาโอกาสอย่างแข็งขัน ในการฝึกฝนตนเองและเรียนรู้ภายใต้สภาวะ VUCA นี้ให้ได้
ดร. เดวิด ปีเตอร์สัน ผู้อำนวยการด้าน การโค้ชผู้บริหาร และ ผู้นำ ของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Google ได้มาพูดในงานสัมมนาที่บีมีโอกาสไปเข้าร่วม ถึงการเร่งพัฒนาทักษะผู้นำโดยใช้ “การโค้ชผู้บริหาร”
แล้ว “การโค้ชผู้บริหาร” จะสามารถช่วยพัฒนาทักษะให้แก่ผู้นำได้ยังงัยบ้าง??
มีมุมมองในการพัฒนาผู้นำอยู่ 3 มิติ ได้แก่
- มองเข้าไปข้างใน (Look Inward)
- มองออกไปข้างนอก (Look Outward)
- มองไปข้างหน้า (Look Forward)
หากคุณเป็นผู้บริหารหรือ ผู้นำ ที่อยากพัฒนาตนเองใน 3 มิติแบบ Google ลองถามตัวเองดูเลยตามนี้นะคะ
มิติที่ 1 มองเข้าไปข้างในตัวตนของคุณ (Look Inward)
- คุณต้องการเป็นผู้นำแบบไหน?
- ค่านิยมอะไรที่มันกำหนดพฤติกรรมของคุณ?
- หลักการอะไรที่มันช่วยนำทางชีวิตและทางเลือกต่างๆ ในชีวิตคุณ?
- คุณจะดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณมาใช้ในการทำงานได้ยังงัยบ้าง?
มิติที่ 2 มองออกไปข้างนอก (Look Outward)
- เกิดอะไรขึ้นบ้างในโลกนี้รอบๆ ตัวคุณ: ในอุตสาหกรรมและวงการวิชาชีพของคุณ สังคม และโลก?
- จะต้องทำยังงัยบ้างให้ประสบความสำเร็จ?
- ผู้คนมองเห็นคุณเป็นอย่างไร?
- ใครจะทำตามคุณบ้าง เพราะอะไร?
- คุณเห็นสัญญาณเตือนหรือร่องรอยเล็กๆ อะไรบางอย่างมั๊ย ว่าสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนไป?
มิติที่ 3 มองไปข้างหน้า (Look Forward)
- วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายของคุณคืออะไร?
- คุณจะตัดสินใจเรื่องต่างๆ ยังงัยในโลกที่มีความซับซ้อน ไม่ชัดเจน และไม่แน่นอน?
- คุณจะสร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่ได้กับสิ่งที่จะเสียไป ในระยะยาวและระยะสั้น อย่างไรบ้าง?
- คุณจะสร้างองค์กรที่สามารถเติบโตรุ่งเรืองในอนาคตได้อย่างไรบ้าง?
คำถามเหล่านี้ เป็นคำถามในรูปแบบ การโค้ช เพื่อช่วยให้คุณเป็นผู้นำ ที่มีมุมมองทั้ง 3 มิติ นั่นเอง
แล้วสำหรับองค์กร เราจะนำการโค้ชมาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วย “เร่ง” การพัฒนาผู้นำได้ยังงัยบ้าง?? ให้เหมือนกับ Google เค้า…
องค์ประกอบ 6 อย่างที่เป็นสิ่งสำคัญ ในการสร้างสภาวะการเรียนรู้ที่เหมาะสมในการพัฒนา ผู้นำ และช่วย “เร่ง” พัฒนาศักยภาพผู้นำ ขององค์กร ได้แก่
- Insight พวกเค้ารู้หรือไม่ ว่าตนเองต้องพัฒนาในเรื่องใดบ้าง?
- Motivation พวกเค้าเต็มใจที่ลงทุนลงแรง/เวลาในการพัฒนาตนเองมั๊ย?
- Capabilities พวกเค้ามีความรู้ความสามารถที่จำเป็นมั๊ย?
- Real-world practice มีโอกาสให้พวกเค้าได้แสดงฝีมือมั๊ย?
- Accountability พวกเค้าตระหนักรู้ในความรู้ความสามารถของตนเอง และรู้สึกรับผิดชอบต่อการปรับปรุงผลการปฏิบัติงานของตนเองให้ดีขึ้นมั๊ย?
และสิ่งสำคัญที่สุดข้อที่ 6. Relationship หรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารกับลูกน้อง เป็นหุ้นส่วนกัน (Partnership) ไปสู่ความสำเร็จ โดยให้การสนับสนุน สนใจ ใส่ใจ และให้ความรักแก่ลูกน้อง จึงจะเริ่มสร้างเข้าใจและความไว้วางใจให้แก่ลูกน้องในการช่วยพัฒนาศักยภาพให้แก่พวกเค้าได้
ปัญหาโดยทั่วไปในชีวิตคนเรา หรือในองค์กร มีอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Puzzle, Problem, Mystery…
- Puzzle รูปแบบปัญหาที่มีคำตอบตายตัว ปัญหาแบบนี้ ถ้าลูกน้องเดินเข้ามาถามคุณ ก็ตอบเค้าไปเลย ไม่ต้องดึงเอาลิสต์คำถามโค้ชขึ้นมาใช้โค้ชกันให้เสียเวลา!
- Problem รูปแบบปัญหาที่มีความซับซ้อนขึ้นมาระดับหนึ่ง มีคำตอบได้หลายแบบ เป็นเหตุเป็นผล ต้องการการพิจารณาและตัดสินใจ
- Mystery รูปแบบปัญหาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง คาดเดาไม่ได้ ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวใดๆ หากตัดสินใจทำแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง เช่น จะลงทุนในธุรกิจไหนดี จะเปลี่ยนงานดีมั๊ย จะแต่งงานกับคนไหนดี ^^
การโค้ช (Coaching) ช่วยในปัญหา 2 แบบหลังได้ค่ะ
การโค้ช จะมีคุณค่ามากที่สุด หากนำไปใช้ เพื่อดึงศักยภาพ ของผู้นำ ในขณะที่ธุรกิจเกิดความท้าทายใหม่ๆ ที่ยากลำบาก ซับซ้อน และมีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้น หรือ ผู้นำ ที่อยู่ภายใต้สภาวะ VUCA เพื่อให้เค้าได้เกิดการเรียนรู้ และมี กระบวนการพัฒนา เกิดขึ้นภายในตนเอง
โดยสรุป การโค้ชสามารถเร่งการพัฒนาศักยภาพผู้นำได้ โดย…
- ต้องเข้าใจถึงความท้าทายใหม่ๆ ใน การพัฒนาผู้นำ และพัฒนาความรู้ความสามารถของตน ให้ทันโลกทันเหตุการณ์ เพื่อที่จะสามารถนำตนเอง นำผู้อื่น และนำองค์กรได้
- นำกรอบการพัฒนาผู้นำแบบ 3 มิติ (Look inward, Look outward, Look forward) มาประยุกต์ใช้
- ใช้เครื่องมือให้เหมาะสมตามสถานการณ์ และสร้างทัศนคติที่ดี ถามตัวเองว่า “สิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในตอนนี้คืออะไร?”
- ไม่หยุดพัฒนาตนเองให้มีมาตรฐานสูง สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ และมีการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา
มาร่วมกัน พัฒนาภาวะผู้นำ พัฒนาชีวิ
โดยเราจะเริ่มเรียนกันในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563
*** เปิดสมัครแล้ว… พร้อมรับโปรโมชั่นราคาลดพิเศษ สมัครก่อนมีสิทธิ์ก่อนและรับส่
ราคาปกติ 69,000 บาท (ภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,830 บาท รวมเป็น 73,830 บาท)
- ราคาพิเศษ PRO เดือนมิถุนายน ลดเหลือ 50,000 บาท (ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500 บาท รวมเป็น 53,500 บาท)
เมื่อชำระเงินจอง 10,000 บาท ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และชำระส่วนที่เหลือภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563
- ราคาพิเศษ PRO เดือนกรกฎาคม ลดเหลือ 55,000 บาท (ภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,850 บาท รวมเป็น 58,850 บาท)
เมื่อชำระเงินจอง 10,000 บาท ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 และชำระส่วนที่เหลือภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 - ราคาพิเศษ PRO เดือนสิงหาคม ลดเหลือ 59,000 บาท (ภาษีมูลค่าเพิ่ม 4,130 บาท รวมเป็น 63,130 บาท)
เมื่อชำระเงินจอง 10,000 บาท ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และชำระส่วนที่เหลือภายในวันที่ 30 กันยายน 2563
รับเพียงไม่เกิน 20 ที่นั่งนะคะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >>
Photo by JESHOOTS.com from Pexels