สถาบัน BE Management Coach: Inspiring You to BE the BEST!

5 บทบาทสำคัญของผู้จัดการยุคใหม่ ปรับตัวอย่างไรให้ทีมงานทุกวัยทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

5 บทบาทสำคัญของผู้จัดการยุคใหม่ ปรับตัวอย่างไรให้ทีมงานทุกวัยทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

5 บทบาทสำคัญของผู้จัดการยุคใหม่ ปรับตัวอย่างไรให้ทีมงานทุกวัยทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข 🌈

ในยุคที่ทีมงานมีความหลากหลายทั้งช่วงวัย ความคิด และพฤติกรรม การเป็นผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม ผู้จัดการในยุคนี้ไม่ใช่แค่ผู้สั่งการ แต่ต้องสวมหมวกหลายใบ และปรับเปลี่ยนบทบาทไปตามสถานการณ์เพื่อให้ทีมงานทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีความสุข

ความท้าทายของผู้จัดการในยุคปัจจุบัน 🔥

ปัญหาใหญ่ที่องค์กรส่วนมากกำลังเผชิญคือ การบริหารจัดการคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น:

1.ความแตกต่างของช่วงวัย – ในที่ทำงานเดียวกันอาจมีพนักงานตั้งแต่ Gen Z, Gen Y, Gen X ไปจนถึง Baby Boomer ซึ่งแต่ละรุ่นมีค่านิยม มุมมอง และวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน

2.ความแตกต่างด้านพฤติกรรม – บางคนชอบทำงานเป็นทีม บางคนชอบทำงานคนเดียว บางคนชอบความท้าทาย บางคนชอบความมั่นคง

3.ความแตกต่างด้านไลฟ์สไตล์ – รูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย บางคนให้ความสำคัญกับงาน บางคนให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัว

_____________________________________________________________________________________

🤝ผู้จัดการยุคใหม่จึงต้องเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ และหาวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดี พร้อมทั้งสื่อสารในรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้เกิดบรรยากาศในการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างความไว้วางใจและจูงใจให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข

บทบาทสำคัญของผู้จัดการยุคใหม่ที่ต้องเรียนรู้ 🎭

ผู้จัดการยุคใหม่ต้องสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยมี 5 บทบาทหลักที่จำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝน:

1.ผู้สร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ (Relationship Builder) ❤️

ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้จัดการกับทีมงานเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จ ผู้จัดการต้องเป็นคนแรกที่ริเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงานทุกคน

ทักษะที่ต้องมี:

-การเข้าใจความแตกต่างของคน (อาจใช้เครื่องมือวิเคราะห์บุคลิกภาพเช่น DISC)

-การสร้างความไว้วางใจด้วยการทำตามสัญญา การรักษาความลับ และการแสดงความจริงใจ

-การให้เกียรติและเคารพความแตกต่างของแต่ละบุคคล

วิธีการสร้างความสัมพันธ์:

-จัดกิจกรรมสร้างทีมที่เหมาะกับความหลากหลายของทีมงาน

-หาเวลาพูดคุยกับทีมงานแบบตัวต่อตัวอย่างสม่ำเสมอ

-ให้ความสนใจกับชีวิตส่วนตัวของทีมงานในขอบเขตที่เหมาะสม

2. ผู้สื่อสารเชิงบวก (Positive Communicator) 🗣️

การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในทีม ผู้จัดการต้องเป็นต้นแบบของการสื่อสารเชิงบวกที่สร้างสรรค์

ทักษะที่ต้องมี:

-การฟังเชิงลึก (Deep Listening) เพื่อเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของทีมงาน

-การถามคำถามที่เปิดโอกาสให้ทีมงานได้แสดงความคิดเห็น

-การให้ข้อมูลป้อนกลับเชิงบวก (Positive Feedback) ที่สร้างสรรค์

เทคนิคการสื่อสารเชิงบวก:

-ใช้ภาษากายที่เป็นมิตร เช่น ยิ้ม สบตา และฟังอย่างตั้งใจ

-เน้นสิ่งที่ต้องการให้เกิด แทนที่จะเน้นสิ่งที่ไม่ต้องการ

-ใช้ “ภาษาเรา” แทน “ภาษาฉัน-เธอ” เมื่อต้องการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

3. ผู้วางแผนและบริหารผลงาน (Performance Manager) 📊

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนการทำงานที่เป็นระบบช่วยให้ทีมงานรู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร และเมื่อไร

ทักษะที่ต้องมี:

-การตั้งเป้าหมายที่ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound)

-การวางแผนงานและกำหนดขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน

-การติดตามผลงานและให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างสม่ำเสมอ

4. ผู้นำตามสถานการณ์ (Situational Leader) 🔄

ผู้จัดการยุคใหม่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำทีมให้เหมาะกับสถานการณ์และความพร้อมของทีมงานแต่ละคน

รูปแบบของผู้นำตามสถานการณ์:

1.ผู้สั่งการ (Director) 👨‍💼

เหมาะกับ: ทีมงานที่ยังไม่มีประสบการณ์หรือความมั่นใจในงานที่ทำ

วิธีการ: ให้คำสั่งที่ชัดเจน อธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด และติดตามงานอย่างใกล้ชิด

2.พี่เลี้ยงสอนงาน (Mentor) 👨‍🏫

เหมาะกับ: ทีมงานที่มีความกระตือรือร้นแต่ยังขาดทักษะหรือประสบการณ์

วิธีการ: สอนงานแบบตัวต่อตัว ให้คำแนะนำ และเป็นแบบอย่างที่ดี

3.ผู้สนับสนุนให้กำลังใจ (Supporter) 🙌

เหมาะกับ: ทีมงานที่มีทักษะแต่ขาดความมั่นใจหรือแรงจูงใจ

วิธีการ: กระตุ้น ให้กำลังใจ รับฟังความกังวล และช่วยแก้ไขอุปสรรค

4.ผู้มอบหมายงาน (Delegator) 👩‍💻

เหมาะกับ: ทีมงานที่มีทั้งทักษะ ความมั่นใจ และแรงจูงใจสูง

วิธีการ: มอบหมายงานและอำนาจการตัดสินใจ ให้อิสระในการทำงาน และติดตามผลลัพธ์

การวิเคราะห์ความพร้อมของทีมงาน:

-พิจารณาระดับทักษะ (Skill Level)

-พิจารณาระดับความมั่นใจ (Confidence Level)

-พิจารณาระดับแรงจูงใจ (Motivation Level)

5. ผู้สนับสนุนการพัฒนา (Development Supporter) 🌱

ผู้จัดการยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทีมงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพและความก้าวหน้าในอาชีพ

เทคนิคการโค้ชเพื่อพัฒนาทีมงาน:

-การตั้งคำถามเชิงบวกที่กระตุ้นให้คิด (Positive Questioning)

-การรับฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจ (Active Listening)

-การสะท้อนกลับสิ่งที่ได้ยินเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ (Reflective Feedback)

-การให้กำลังใจและเสริมแรงในสิ่งที่ทำได้ดี (Positive Reinforcement)

_____________________________________________________________________________________

🧑‍💻การเป็นผู้จัดการที่ดีในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาทักษะที่จำเป็น และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผู้จัดการสามารถนำพาทีมงานไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทุกคนสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

“ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้สร้างผู้ตาม แต่สร้างผู้นำคนอื่นๆ ต่อไป” – ความสำเร็จที่แท้จริงของผู้จัดการยุคใหม่🏅

_____________________________________________________________________________________

หากองค์กรของคุณกำลังมองหา Executive Coach ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานระดับโลก และช่วยสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างมี Positive Impact หรือคุณกำลังสนใจพัฒนาตนเองเป็นโค้ชผู้บริหารมืออาชีพหรือพัฒนาภาวะผู้นำ พัฒนาการทำงานเป็นทีม หรือทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับคนทำงานในปี 2025 ในองค์กรของคุณ สถาบัน BE Management Coach พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ที่เดินเคียงข้างคุณในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืน🌱

🎓เราคือผู้ให้บริการครบวงจรด้านการพัฒนาบุคลากร เชี่ยวชาญในด้านการโค้ชให้ผู้บริหารแบบ 1 ต่อ 1 หรือแบบทีม จัดฝึกอบรม Leadership และ Soft Skills ต่างๆให้กับบุคลากรทุกระดับขององค์กรท่านและจัดหลักสูตรโค้ชมืออาชีพมาตรฐานสากลได้รับการรับรองจากสหพันธ์การโค้ชนานาชาติ International Coaching Federation (ICF) พร้อมระบบการดูแลอย่างใกล้ชิด

📌 ติดต่อ สถาบัน BE Management Coach

💬 Line OA: https://lin.ee/ktxZlIK

🌐 https://bemanagementcoach.com

 

Share

รับข้อมูลข่าวสารบทความทางอีเมล

เข้าสู่ระบบ

สมัครสมาชิกสำหรับศิษย์เก่า